การเลือกซื้อ Netbook

การเลือกซื้อ Netbook

 

โดยทั่วไปแล้วถ้าดูจากทางกายภาพของโน้ตบุ๊กเราก็จะแบ่งคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กออกเป็นประเภทต่างๆ เช่น Desktop Replacement คือคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานทดแทนคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป, Thin & Light โน้ตบุ๊กที่มีขนาดบางเบา, Ultra Portable โน้ตบุ๊กที่ออกแบบมาเพื่อการพกพาได้อย่างสะดวก และ Rugged โน้ตบุ๊กเพื่อใช้งานอย่างสมบุกสมบันกันน้ำกันกระแทกอะไรทำนองนั้น หรือถ้าจะแบ่งออกเป็นประเภทตามลักษณะการใช้งานเราก็จะคำศัพท์เพิ่มขึ้นตามมาอีกหลายคำ อาทิ Gaming Notebook, Entertainment Notebook เป็นต้น

 

แต่ไม่นานมานี้ก็ได้มีการเกิดคำศัพท์ใหม่ขึ้นมาในวงการคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กนั่นก็คือคำว่า "Netbook" (เน็ตบุ๊ก) ซึ่งที่มาที่ไปของคำว่า Netbook ก็มาจากคำว่า Internet + Notebook ซึ่งถ้าตีความแบบตรงตัวมันก็คือโน้ตบุ๊กเพื่อการใช้งานด้านอินเทอร์เน็ตนั่นเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าเน็ตบุ๊กมันจะใช้งานได้เฉพาะเรื่องของอินเทอร์เน็ตเท่านั้น เพียงแต่วัตถุประสงค์ในการให้กำเนิดเน็ตบุ๊กนั้นมันมาจากแรงผลักดันในโลกยุคอินเทอร์เน็ตนั่นเอง


รูปลักษณ์ภายนอกของเน็ตบุ๊กนั้นมันแทบจะไม่มีอะไรแตกต่างไปจากโน้ตบุ๊กเลยนอกจากขนาดที่เล็กกว่าเท่านั้น และจะว่าไปแล้วบรรดาเน็ตบุ๊กทั้งหลายมันก็สามารถจัดให้เข้าไปอยู่ในโน้ตบุ๊กกลุ่ม Ultra Portable ได้อย่างสบายๆ ซึ่งบางคนก็เรียกโน้ตบุ๊กในกลุ่มนี้ว่า Sub-Notebook เพราะมันจะมีขนาดที่ค่อนข้างเล็ก คือจอภาพเล็กกว่า 12 นิ้วลงมา แต่เน็ตบุ๊กนั้นจะมีจอภาพในระดับ 10 นิ้วลงมาจนถึง 7 นิ้ว แต่ถ้าเล็กกว่า 7 ลงมาก็จะเข้าข่ายของอุปกรณ์อีกประเภทที่เรียกว่า Mobile Internet Devices (MIDs)


จะซื้อเน็ตบุ๊ก หรือจะซื้อโน้ตบุ๊ก

ในช่วงแรกๆ ของการเปิดตัวเน็ตบุ๊กรุ่นแรกๆ อย่าง ASUS Eee PC นั้น เราค่อนข้างเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างเน็ตบุ๊กกับโน้ตบุ๊กว่ามันมีข้อจำกัดและความเหมาะสมในการใช้งานที่ค่อนข้างชัดเจน แต่ในเวลานี้ รวมไปถึงในอนาคตเราก็เริ่มจะพบว่าเน็ตบุ๊กรุ่นใหม่ๆ นั้นเริ่มมีอะไรที่น่าสนใจมากขึ้น เช่น จอใหญ่ขึ้น คีย์บอร์ดใหญ่ขึ้น มีรุ่นที่เป็นฮาร์ดดิสก์ให้เลือก ทำให้ผู้ใช้ส่วนหนึ่งที่มีเดสก์ท็อปอยู่แล้วและกำลังจะซื้อคอมพิวเตอร์เพื่อการพกพาสักเครื่องต้องตั้งคำถามแบบนี้ขึ้นมา เพราะถ้าเราดูในเวลานี้เน็ตบุ๊กรุ่นที่มีฟังก์ชันครบครันหน่อยก็มีราคาอยู่ในช่วง 13,000 - 15,000 บาท ส่วนถ้าเป็นรุ่นที่มาพร้อมวินโดวส์ก็อาจจะมีราคาในระดับ 18,000 บาท ขึ้นไป และด้วยวงเงินในระดับ 15,000 -18,000 บาท นั้นเราก็สามารถเป็นเจ้าของคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กในระดับราคาประหยัดได้หลายรุ่นหลายยี่ห้อเลยทีเดียว


ซึ่งโน้ตบุ๊กเหล่านี้แม้จะเป็นรุ่นราคาประหยัดแต่ก็มีความสะดวกในการใช้งานมากกว่า เพราะมีทั้งจอภาพและคีย์บอร์ดขนาดใหญ่ที่ใช้งานได้ถนัดกว่า อีกทั้งยังมีออปติคอลไดร์ฟที่ทำให้เราสามารถบันทึกข้อมูล ดูหนังและอื่นๆ ได้สะดวกกว่าเยอะ จะขาดก็เพียงเรื่องการพกพาเท่านั้นที่เป็นรองเน็ตบุ๊ก


เมื่อเป็นแบบนี้เราก็ต้องกลับมาพิจารณากันถึงจุดกำเนิดและเจตนาของเน็ตบุ๊กกันแล้วละครับว่าเป็นอย่างไรกันแน่ เน็ตบุ๊กนั้นเหมาะสำหรับงานในประเภทดูหรืออ่านข้อมูล (Contents Viewer) เช่นเปิดดูข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ เปิดอ่านไฟล์เอกสารที่แนบมากับอีเมล ดูวิดีโอคลิปจากเว็บไซต์ และอาจจะใช้เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารผ่านระบบ VoIP หรือใช้แอพพลิเคชันอย่างพวก MSN Messenger หรือโปรแกรมแชทอื่นๆ เป็นต้น แต่ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กนั้นนอกเหนือจากสิ่งที่เราได้กล่าวไปคือการดูหรืออ่านข้อมูล แต่โน้ตบุ๊กยังเหมาะสำหรับการสร้างข้อมูล (Contents Creator) อีกด้วย แม้ว่าตัวเน็ตบุ๊กเองจะมีพลังในการประมวลผลมากพอสำหรับการสร้างข้อมูลก็ตามแต่สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ มันมีมากมายเท่าโน้ตบุ๊กนั่นเอง


ดังนั้นถ้าคุณต้องการซื้อคอมพิวเตอร์เพื่อการพกพาคุณก็คงจะต้องดูว่าคุณต้องการซื้อไปเพื่องานแบบใด ถ้าคุณมีคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปอยู่แล้วก็ลองสำรวจดูว่าความต้องการของคุณคืออะไรงานของคุณเป็นอย่างไร ถ้าต้องการคอมพิวเตอร์พกพาเพื่อให้สามารถเข้าไปอ่านอีเมล ตอบอีเมล หรือเข้าสู่อินเทอร์เน็ตได้อย่างเต็มรูปแบบในทุกที่ทุกเวลาเน็ตบุ๊กก็เป็นคำตอบที่เหมาะสมกับคุณ


แต่ถ้างานของคุณเป็นประเภทที่ต้องการความซับซ้อน แม้จะอยู่ในระหว่างการเดินทางไปไหนมาไหน แต่มีความจำเป็นต้องจัดทำเอกสารงานนำเสนอ ที่มีรายเอียดมากกว่าตัวอักษรทั่วๆ ไป รวมไปถึงต้องพกพาข้อมูลจำนวนมากและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเช่นออปติคอลไดร์ฟ และพื้นที่การแสดงผลขนาดใหญ่ ทางเลือกของคุณก็คงหนีไม่พ้นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กแล้วละครับ


แนวทางการเลือกซื้อเน็ตบุ๊ก

สำหรับแนวทางการเลือกซื้อเน็ตบุ๊กจริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรมากครับ เพราะว่าเน็ตบุ๊กนั้นมันถูกจำกัดตัวเองด้วยรูปแบบการใช้มาแล้วส่วนหนึ่ง เราไม่ต้องมองหาเน็ตบุ๊กเพื่อการเล่นเกม เน็ตบุ๊กเพื่อใช้งานแทนเดสก์ท็อป แต่เราแค่มองหาเน็ตบุ๊กที่มีคุณสมบัติที่ตรงกับความต้องการและอยู่ในงบประมาณเท่านั้น


ขนาดของจอภาพ และคีย์บอร์ด

ตามข้อกำหนดมาตรฐานของเน็ตบุ๊กนั้นทางอินเทลได้กำหนดว่าจะมีจอภาพไม่ใหญ่ไปกว่า 10 นิ้ว และไม่เล็กกว่า 7 นิ้ว เพราะถ้าใหญ่กว่านี้เน็ตบุ๊กก็อาจจะไปชนกับกลุ่มโน้ตบุ๊กที่มีจอภาพในระดับ 12.1 นิ้วก็เป็นได้ และถ้าเล็กกว่า 7 นิ้วก็กลัวว่าจะไปทับซ้อนกับตลาด Mobile Internet Device


ในช่วงแรกที่ Eee PC ของ ASUS เปิดตัวสู่ตลาดด้วยหน้าจอขนาด 7 นิ้ว แสดงผลด้วยความละเอียด 800?480 นั้น แม้ว่ามันจะใหญ่พอสำหรับการดูเว็บไซต์ การเช็คอีเมล รวมไปถึงการพิมพ์เอกสารง่ายๆ แต่ผู้ใช้ส่วนหนึ่งก็ยังเห็นว่าจอภาพขนาด 7 นิ้วนั้นมันเล็กเกินไป ดังนั้นจึงผู้ใช้ส่วนหนึ่งที่ยังไม่ซื้อ Eee PC ในรุ่นแรก แต่รอให้ทาง ASUS ออกรุ่นที่มีหน้าจอใหญ่กว่าออกมาก่อน


ซึ่งก็เป็นไปดังคาดไม่เพียงแต่ ASUS เท่านั้นที่ได้ทำการออก Eee PC เวอร์ชันที่มีจอภาพใหญ่ถึง 8.9 นิ้วออกมาแล้ว บรรดาผู้ผลิตเน็ตบุ๊กทั้งหลายต่างก็นำเน็ตบุ๊กที่มีจอภาพขนาด 8.9 นิ้วลงสู่ตลาดกันอย่างพร้อมเพียง ทำให้ตลาดของเน็ตบุ๊กคึกคักขึ้นมามากเลยทีเดียว


ล่าสุดทาง ASUS ก็ยังมี Eee PC 1000 ซึ่งเป็นรุ่นที่มีจอภาพใหญ่ถึง 10 นิ้ว นอกจากนี้ก็ยังมีเน็ตบุ๊กของ MSI ที่ชื่อว่า Wind ก็มีรุ่นที่ใช้จอภาพขนาด 10 นิ้วด้วยเช่นกัน ก็เท่ากับว่าตอนนี้ในตลาดของเน็ตบุ๊กก็จะมีขนาดของจอภาพหลักๆ ให้เลือกอยู่สองขนาดคือ 8.9 นิ้ว กับ 10 นิ้ว ส่วนรุ่น 7 นิ้ว นั้นไม่ได้มีการนำเข้ามาแล้วแต่ถ้ายังมีหลงเหลืออยู่ในตลาดก็คงจะเป็นรุ่นเก่าที่ตกค้างอยู่ ซึ่งคิดว่าอีกไม่นานก็คงหมดไปจากตลาด และเน็ตบุ๊กรุ่นต่อๆ ไปจอภาพก็จะเริ่มต้นกันที่ 8.9 นิ้วขึ้นไปครับ

ขนาดของจอ 8.9 นิ้ว ที่เน็ตบุ๊กส่วนใหญ่เลือกใช้นั้นจะมีความละเอียดในการแสดงผลอยู่ที่ 1024 x 600 แม้จะไม่ไม่ละเอียดเท่ากับ HP Mini-Note PC แต่ก็ถือว่าเป็นความละเอียดที่พอเหมาะกับขนาดของจอภาพแล้ว และถึงแม้ว่าเน็ตบุ๊กรุ่นใหม่จะมีการขยายจอภาพจาก 8.9 นิ้วไปเป็น 10 นิ้วเราก็พบว่าความละเอียดของการแสดงผลนั้นยังคงอยู่ที่ 1024 x 600 เช่นเดิม แม้ว่าความละเอียดไม่เพิ่มขึ้นแต่ขนาดของจอที่ใหญ่ขึ้นก็ทำให้คนที่มีปัญหาเรื่องสายตาทำงานได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น

การขยายจอภาพจาก 7 นิ้วมาเป็น 8.9 หรือ 10 นิ้วนั้น สิ่งที่ตามมาด้วยก็คือขนาดของคีย์บอร์ดที่ใหญ่มากขึ้น ทำให้ผู้ใช้ตัวโตมือโตสามารถพิมพ์ได้อย่างเม่นยำมากยิ่งขึ้น ทำให้เน็ตบุ๊กกลายเป็นคอมพิวเตอร์ที่พกพาได้ง่ายและใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น


จอภาพที่ใหญ่ขึ้นก็ส่งผลอย่างยิ่งต่อระยะเวลาในการใช้งานของแบตเตอรี แต่ดูเหมือนว่าทางผู้ผลิตเน็ตบุ๊กแต่ละรายก็ได้เตรียมพร้อมด้วยการมาพร้อมกับแบตเตอรีที่มีจำนวนเซลเพิ่มขึ้น และก็ทำให้น้ำหนักโดยรวมของเน็ตบุ๊กเพิ่มขึ้นด้วย ก็ถือว่าเป็นการได้อย่างเสียอย่างครับ


ซีพียู Atom, Celeron M, VIA C7

อันทีจริงแล้วซีพียูที่ตรงตามคอนเซปต์จากอินเทลนั้นก็จะมีเพียงตัวเดียวคือ Intel Atom Processor ซึ่งเป็นซีพียูที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็นแพลตฟอร์มสำหรับเน็ตบุ๊กโดยเฉพาะ แต่ว่าในความเป็นจริงเราสามารถที่จะพบซีพียูได้ค่อนข้างหลากหลายพอสมควรโดยเฉพาะใน Eee PC เราพบว่าบางรุ่นก็เป็น Atom 1.6GHz? บางรุ่นก็ใช้ Celeron M 900MHz ความแตกต่างทางด้านเทคนิคระหว่างซีพียูสองตัวนี้จะว่ามากก็มากจะว่าน้อยก็น้อย แต่ผู้คนส่วนใหญ่จะตั้งคำถามว่า Atom 1.6GHz กับ Celeron M 900MHz นั้น ตัวไหนมีความเร็วในการทำงานมากกว่ากัน ถ้าว่ากันตรงๆ ก็ต้องบอกว่า Celeron M 900MHz นั้นทำงานได้เร็วกว่าเล็กน้อยครับ (เฉพาะตัวซีพียู) แต่ Atom ก็ไม่ธรรมดา เพราะมีการนำเทคโนโลยีไฮเปอร์เทรดดิ้งมาใช้ด้วยทำให้ Atom นั้นเป็นเหมือนกับซีพียูแบบ Dual-Core เลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นการทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมของระบบก็จะพบว่าระบบที่ใช้ Atom 1.6GHz ทำงานได้ราบรื่นกว่า ส่วนซีพียูจากค่าย VIA นั้นก็จะเป็นรุ่น C-7M ULV โดยจะมีความเร็วตั้งแต่ 1.0GHz, 1.2GHz และ 1.6GHz

สำหรับในความเห็นของทางทีมงานที่มีโอกาสได้ทดสอบกับเน็ตบุ๊กหลายรุ่นทั้งรุ่นที่เป็น Atom, Celeron M และ VIA C-7M เราเห็นว่าประสิทธิภาพของซีพียูจะถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่ก็ในแค่ช่วงทำการบูตเครื่องเข้าสู่ระบบปฏิบัติการเท่านั้น ไม่ว่าเน็ตบุ๊กตัวนั้นจะเป็นลินุกซ์หรือวินโดวส์ก็ให้ผลที่ไม่แตกต่างกัน และเมื่อทำการบูตผ่านระบบเข้ามาได้แล้วการใช้งานในส่วนอื่นๆ เราคิดว่าซีพียูในเน็ตบุ๊กจะเป็นอะไรนั้นไม่สำคัญเลย
เพราะพลังการประมวลจากซีพียูเหล่านี้สามารถที่จะรองรับความต้องการด้านพื้นฐานที่เป็นวัตถุประสงค์หลักของเน็ตบุ๊กได้ทั้งหมดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเล่นอินเทอร์เน็ต การใช้โปรแกรมแชท พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม หรือการโต้ตอบอีเมล รวมไปถึงการดูคลิปวิดีโอ ส่งรูปขึ้น Hi5 แต่สิ่งที่ควรให้ความสำคัญมากกว่านั่นก็คือหน่วยความจำหลักของเครื่องนั่นเอง


ขนาดของหน่วยความจำ RAM

อย่างที่บอกไปแล้วว่าซีพียูที่อยู่ในเน็ตบุ๊กแต่ละรุ่นนั้นมันสามารถที่จะรองรับงานต่างๆ ได้อย่างสบาย แต่องค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้เน็ตบุ๊กแต่ละรุ่นทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจริงๆ แล้วก็คือหน่วยความจำหลักของตัวเครื่องนี่เอง


เน็ตบุ๊กส่วนใหญ่จะมีหน่วยความจำเริ่มต้นที่ 512MB ทั้งรุ่นที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการลินุกซ์และรุ่นที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ซึ่งจากการทดสอบของเราหน่วยความจำในระดับ 512MB นั้น อยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าต้องการให้ทำงานรวดเร็วทันใจกว่าเดิมนั้นก็แนะนำให้เพิ่มหน่วยความจำไปเป็น 1GB เลยจะดีกว่า (ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ) ส่วน HP Mini-Note PC ที่มาพร้อมกับวินโดวส์วิสต้านั้น ตัวท็อปสุดที่ใช้ซีพียู VIA C-7M 1.6GHz ก็จะมาพร้อมกับหน่วยความจำขนาด 2GB อยู่แล้ว ก็ถือว่าจัดสเปคมาได้อย่างเหมาะสม ส่วนรุ่นที่ใช้ซีพียู VIA C-7M รุ่นความเร็ว 1.2GHz นั้น จะมาพร้อมกับหน่วยความจำเพียง 1GB เท่านั้น ซึ่งเราคิดว่ามันน้อยเกินไปก็แนะนำว่าให้เพิ่มหน่วยความจำเป็น 2GB ก็จะดีไม่น้อย ส่วนรุ่น HP Mini-Note PC รุ่นเล็กสุดที่ใช้ซีพียู VIA C-7M 1.0GHz นั้นจะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการลินุกซ์ และมีหน่วยความจำหลักมาให้เพียง 512MB เท่านั้น ซึ่งรุ่นนี้เรายังไม่ได้ทำการทดสอบ แต่ก็เคยลอง Everex ที่ใช้ซีพียู VIA C-7M 1.2GHz ที่มีหน่วยความจำ 512MB เช่นกัน และเป็นระบบปฏิบัติการลินุกซ์ก็พบว่าด้วยหน่วยความจำขนาด 512MB จะมีผลตอนบูตเครื่องค่อนข้างช้า แต่พอเข้าสู่ระบบปฏิบัติการแล้วพบว่าทำงานได้เป็นปกติ ไม่มีปัญหาใดๆ แต่ถ้าคุณเปิดงานหลายงานเช่นเปิดโปรแกรมสร้างเอกสาร กับเว็บบราวเซอร์พร้อมกันหลายๆ หน้าจอก็อาจจะทำให้การสลับแอพพลิเคชันไม่นุ่มนวลเท่าที่ควร


แต่การเพิ่มหน่วยความจำมันก็มีข้อเสียตามมาก็คือมันก็จะใช้พลังงานจากแบตเตอรีเพิ่มขึ้น ซึ่งตรงนี้คุณก็อาจจะต้องลองชั่งใจดูว่าต้องการอะไร ระหว่างใช้งานจากแบตเตอรีได้ยาวนานกับการทำงานหลายๆ งานได้อย่างนุ่มนวล


SSD หรือ HDD

SSD นั่นย่อมาจากคำว่า Solid Stage Drive ส่วน HDD นั้นย่อมาจากคำว่า Hard Disk Drive หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่าฮาร์ดดิสก์นั่นแหละ ความแตกต่างระหว่าง SSD กับฮาร์ดดิสก์ก็คือ SSD นั้นเป็นหน่วยความจำแบบเดียวกันกับ Flash Drive หรือ USB Drive ที่เราใช้ๆ งานกันอยู่นี่แหละ จุดเด่นที่สำคัญของ SSD ก็คือมันไม่มีส่วนที่ต้องเคลื่อนไหวในการทำงานเหมือนกับฮาร์ดดิสก์ทำให้มันมีความทนทานในการทำงานสูงกว่า และในทางอุดมคิดแล้วมันยังใช้พลังงานน้อยกว่าฮาร์ดดิสก์แบบธรรมดาอีกด้วย (ยกเว้น SSD ที่มีความเร็วสูงมากๆ และความจุมากๆ อาจจะใช้พลังงานพอๆ กับฮาร์ดดิสก์หรือสูงกว่าก็เป็นได้)


สำหรับ SSD ที่อยู่ในเน็ตบุ๊กของเรานั้นจะเห็นได้ว่ามันยังมีความจุไม่มากนัก อาจจะมีแค่ 4GB 8GB หรือมากจริงๆ อาจจะมีแค่ 16GB เท่านั้น ทั้งนี้เป็นเพราะว่า SSD นั้นยังมีราคาแพงซึ่งถ้าจะให้มันมีความจุเท่าๆ กับฮาร์ดดิสก์ต้องใช้เงินมากพอสมควรดังนั้นทางผู้ผลิตเน็ตบุ๊กจึงต้องได้ทำการเลือก SSD ที่มีความจุไม่มากนัก เพื่อไม่ให้ตัวเครื่องมีราคาสูงจนเกินไป เนื่องจากวัตถุประสงค์หลักของเน็ตบุ๊กคือคอมพิวเตอร์ที่ใช้พกพาเพื่อทำการดูข้อมูลมากกว่าที่ใช้ในการสร้างข้อมูล


อย่างไรก็ตามด้วยการแข่งขันระหว่างผู้ผลิตเน็ตบุ๊กด้วยกันและมีเสียงเรียกร้องมาจากผู้บริโภคจำนวนมากที่ต้องการเห็นเน็ตบุ๊กรุ่นที่ใช้ฮาร์ดดิสก์สำหรับคนที่ต้องการเก็บข้อมูลจำนวนมากเพื่อการพกพา ดังนั้นเราจึงเริ่มได้เห็นการเปิดตัวของเน็ตบุ๊กรุ่นใหม่ที่ใช้ฮาร์ดดิสก์เป็นหน่วยเก็บข้อมูลแทน SSD ซึ่งเน็ตบุ๊กที่ใช้ฮาร์ดดิสก์เป็นตัวเก็บข้อมูลก็จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อยและอาจจะมีระยะเวลาในการใช้งานด้วยแบตเตอรีน้อยลงไปบ้าง เว้นแต่เน็ตบุ๊กรุ่นนั้นจะเปลี่ยนไปใช้แบตเตอรีรุ่นพิเศษที่ทำให้ใช้งานได้ยาวนาน สำหรับเน็ตบุ๊กที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ในการจัดเก็บข้อมูลก็จะมีราคาที่สูงกว่าเน็ตบุ๊กที่ใช้ SSD ดังนั้นผู้ที่ต้องการเน็ตบุ๊กไปใช้งานก็อย่าลืมสำรวจดูด้วยว่ามีงบประมาณอยู่เท่าไหร่ และการใช้งานของเรามีลักษณะแบบไหนจะได้เลือกใช้ได้อย่างถูกรุ่น เพราะถ้าเราเลือกใช้ผิดแล้วการอัปเกรดเน็ตบุ๊กนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ต้องเสียเงินซื้อใหม่เท่านั้น


Linux หรือ Windows

ในเน็ตบุ๊กนั้นก็จะมีระบบปฏิบัติการใช้เราเลือกใช้งานอยู่สองแบบนั่นก็คือลินุกซ์กับวินโดวส์ แน่นอนครับว่าผู้คนส่วนใหญ่มักจะคุ้นเคยกับระบบปฏิบัติการที่เป็นวินโดวส์มากกว่า อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าลินุกซ์ฟังดูแล้วน่าจะใช้งานยาก แต่ลินุกซ์ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊กนั้นมันได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษให้ทำงานเข้ากับเน็ตบุ๊กแต่ละเครื่องได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องไดรเวอร์หรือความคอมแพททิเบิลกับฮาร์ดแวร์ของตัวเครื่องนั้นจึงทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์มา จนผู้ใช้แทบไม่ต้องไปวุ่นวายกับโครงสร้างหลักของระบบปฏิบัติการเลย แต่จะเรียนเฉพาะรู้วิธีการเซตค่าพวกไวเรสแลน หรือค่าคอนฟิกอื่นๆ ในระดับเบื้องต้นหรือการใช้งานทั่วไปเท่านั้น


ยิ่งผู้ปกครองบางคนซื้อเน็ตบุ๊กให้เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนตัวเครื่องแรกให้กับเด็กๆ เพื่อใช้สำหรับการค้นหาข้อมูลจากทางอินเทอร์เน็ต เด็กๆ กลุ่มนี้อาจจะมีประสบการณ์ในการใช้งานวินโดวส์มาบ้างก็จริง แต่ด้วยยุคสมัยที่เขาเกิดมาในโลกยุคดิจิตอล เกิดมาในโลกยุคโทรศัพท์มือถือเป็นอวัยวะเสริมพิเศษสำหรับร่างกาย เด็กๆ ในกลุ่มนี้จะไม่มีปัญหาในการใช้งานเน็ตบุ๊กที่มีระบบปฏิบัติการเป็นลินุกซ์เลย เขารู้สึกเพียงว่านี่เป็นอินเทอร์เฟซใหม่กับอุปกรณ์ตัวใหม่ที่ต้องทำความรู้จักเท่านั้น ก็เหมือนกับตอนที่เขาเปลี่ยนมือถือใหม่สิ่งที่ต้องทำก็คือสำรวจดูว่าฟังก์ชันของโทรศัพท์รุ่นใหม่มีอะไรบ้าง เมื่อสำรวจครบแล้วเขาก็จะลงมือเล่นมันได้อย่างชำนาญด้วยระยะเวลาอันสั้น ผิดกับผู้ใหญ่ที่ส่วนใหญ่มักจะยึดติดกับสิ่งที่คุ้นเคยและมักจะรู้สึกว่าไม่อยากเสียเวลาต้องเรียนรู้อะไรใหม่ เพราะมันทำให้งานที่ต้องทำอยู่นั้นสะดุดหยุดลงได้


ข้อดีของเน็ตบุ๊กที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการลินุกซ์ก็คือ เป็นเน็ตบุ๊กประเภทพร้อมใช้ทันทีที่คุณชาร์ตแบตเตอรีเต็มคุณก็เปิดเครื่องใช้งานได้เลยไม่ต้องเสียเวลาติดตั้งโปรแกรมใดๆ ลงไปอีก เพราะเน็ตบุ๊กที่เป็นระบบปฏิบัติการลินุกซ์ส่วนใหญ่จะทำการติดตั้งโปรแกรมสำเร็จรูปที่เราจะเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันไว้พร้อมแล้ว เช่นโปรแกรมสำหรับรับส่งอีเมล โปรแกรมแชท โปรแกรมเว็บบราวเซอร์ โปรแกรมจัดการกับไฟล์ รวมไปถึงชุดโอเพ่นออฟฟิศที่มีทั้งโปรแกรมทางด้านเวิร์ดโพรเซสเซอร์ สเปรดชีท และพรีเซนเทชัน บางรุ่นก็อาจจะพวกโปรแกรมเกมเพิ่มเติมมาให้อีกด้วย


แต่ถ้าคุณมีความจำเป็นในการใช้งานระบบปฏิบัติการวินโดวส์จริงๆ ก็ไม่มีปัญหาหรอกครับเพราะเน็ตบุ๊กพวกนี้มันก็ทำงานร่วมกับวินโดวส์ได้อย่างไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะฮาร์ดแวร์ที่อยู่ภายในมันก็มาจากบรรดาโน้ตบุ๊กและพีซีที่เราใช้ๆ กันอยู่นั่นเอง เพียงแต่มันถูกย่อขนาดและลดความสามารถบางอย่างลงเพื่อให้เกิดความเหมาะสมเท่านั้น แต่ว่าการเลือกใช้รุ่นที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์คุณก็ต้องเพิ่มเงินอีกประมาณ 3000 บาท ครับ ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้เป็นหลักแล้วละครับ


ระยะเวลาในการใช้งานจากแบตเตอรี

สิ่งหนึ่งที่ผู้คนคาดหวังจากเน็ตบุ๊กมากที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องของระยะเวลาในการใช้งานต่อการชาร์ตแบตเตอรีหนึ่งครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็คาดหวังว่าจะใช้งานได้ยาวต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง แต่เราพบว่าเน็ตบุ๊กส่วนใหญ่จะใช้งานด้วยพลังงานจากแบตเตอรีมาตรฐานด้วยระยะเวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง แล้วแต่รุ่นว่าจะมีอุปกรณ์มากน้อยขนาดไหน? เช่นเน็ตบุ๊กบางรุ่นแทนที่จะใช้ SSD ในการจัดเก็บข้อมูล แต่ว่าจะใช้ฮาร์ดดิสก์ในการเก็บข้อมูลเหมือนกับโน้ตบุ๊กทั่วไป ซึ่งเน็ตบุ๊กที่ใช้ฮาร์ดดิสก์เป็นตัวเก็บข้อมูลนั้นจะใช้พลังงานในการทำงานมากกว่าเน็ตบุ๊กที่ใช้ SSD ความจุ 8GB หรือ 16GB อย่างไรก็ตามผู้ผลิตเน็ตบุ๊กก็ทราบปัญหาและทราบถึงความต้องการของผู้ใช้งานเป็นอย่างดีจึงได้มีการเพิ่มทางเลือกด้วยการจัดเตรียมแบตเตอรีพิเศษสำหรับผู้ต้องทำงานด้วยแบตเตอรีที่ยาวนานเอาไว้ด้วย แต่แน่นอนว่าคุณต้องจ่ายเงินเพิ่มครับ อย่างเช่นแบตเตอรีที่มาพร้อมกับ Acer Aspire ONE แบบมาตรฐานนั้นจะเป็นแบตเตอรีแบบ 3-Cell ที่ใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ถ้าต้องการทำงานต่อเนื่องในระดับ 7 ชั่วโมงทาง Acer ก็มีแบตเตอรีแบบ 6-Cell ให้ซื้อมาเพิ่มเติมได้อีกด้วย


ความสวยงามของตัวเครื่อง

ความสวยงามของเน็ตบุ๊กแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็มีความแตกต่างกันออกไปครับ บางรุ่นอาจจะถูกดีไซน์มาโดยการคำนึงถึงรูปแบบการใช้งานและความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก แต่บางรุ่นก็ออกแบบมาให้สมดุลกันระหว่างเรื่องความสวยงามกับความสะดวกในการใช้งาน เพราะคอมพิวเตอร์อย่างเน็ตบุ๊กนั้นถ้าจะดูเฉพาะเรื่องการใช้งานเพียงอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงความสวยงามเลยก็คงจะไม่เหมาะนัก


เพราะอย่าลืมว่าเน็ตบุ๊กนั้นถูกออกแบบมาให้เป็นคอมพิวเตอร์ที่เราสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แน่นอนว่ามันต้องถูกผู้คนพบเห็นบ่อยขึ้นด้วย และลักษณะของเน็ตบุ๊กก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงรสนิยมของเราได้เหมือนกัน ดังนั้น ทางผู้ผลิตเน็ตบุ๊กก็อาจจะมีทางเลือกให้คุณมากขึ้นด้วยสีสัน เช่น Acer Aspire ONE ก็มีให้เลือกถึง 4 สี ASUS บางรุ่นก็จะมีให้เลือกสองสีคือขาวกับดำ และบางรุ่นก็จะมีสีสันให้เลือกถึง 5 สีเลยทีเดียว


แต่ถ้าเป็นเน็ตบุ๊กที่ไปในแนวของ Classmate PC นั้นเราคงจะไม่ได้เห็นดีไซน์ที่ดูเพรียวบางเหมือนกับเน็ตบุ๊กทั่วไป แต่เราจะพบว่า Classmate PC นั้นจะมาในรูปลักษณะที่สมบุกสมบันมากกว่าเพราะมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนคือเป็นคอมพิวเตอร์ที่ให้เด็กๆ ระดับอนุบาล ระดับประถมสามารถพกพาเน็ตบุ๊กนี้ไปได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องไปกังวลเรื่องการตกหล่นมากนัก เรามีโอกาสทดสอบด้วยการทำให้เน็ตบุ๊กแบบ Classmate PC ตกลงมาจากชั้นวางที่มีความสูงในระดับ 1.5 เมตร ผลก็คือไม่พบการเสียหายใดๆ ทุกอย่างภายในตัวเครื่องก็ทำงานได้อย่างปกติ


ส่งท้าย

มาถึงตรงนี้เราก็คิดว่าคุณผู้อ่านทั้งหลายก็คงจะมองภาพรวมของเน็ตบุ๊กได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงแนวทางในการเลือกซื้อเน็ตบุ๊ก และแนวทางในการใช้งานเน็ตบุ๊กได้มากยิ่งขึ้นแล้วนะครับ

ที่มา http://www.quickpcextreme.com/blog/archives/1459

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์